เสียงหอบหายใจของคนทั้งสองดังระรัวทั่วห้องกว้าง
คุโรโกะเสียวซ่านทั่วสรรพางค์กายเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมสอดเข้ามาในร่างกาย ทว่ามันก็หลุดออกไปและแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ใหญ่กว่าในเวลาไม่นานนัก
เจ็บ...
“อึก...” หากแต่ไม่ใช่ความเจ็บที่รวดร้าว
มันคือความเจ็บปวดปนสุขสม...เขารู้ดีอยู่แก่ใจ
“แน่นไปแล้วนะ เท็ตสึยะ”
สุ้มเสียงแหบพร่าเจือแววอารมณ์กระซิบชิดริมหู
ริมฝีปากร้อนผ่าวพรมจูบผิวเนียนตั้งแต่ข้างลำคอไล่ลงมายันแผ่นอกที่กระเพื่อมขึ้นลงยามเมื่อหอบหายใจในแต่ละครั้ง
มือบางยกขึ้นจิกไหล่ของคนด้านบนเมื่ออาคาชิครอบปากลงบนยอกอกสีอ่อนจนมันแดงระเรื่อทั้งสองข้าง
ใครใช้ให้คนผู้นี้กล่าวถ้อยคำน่าอายด้วยใบหน้าราบเรียบกัน!
“ตอนนั้นที่ดวงวิญญาณหลุดออกจากร่าง...ผมได้ยินบางอย่าง”
“อะ...อ้า!”
อาคาชิเริ่มขยับร่าง คุโรโกะสติพร่าเลือนเกินกว่าจะรับรู้และคิดตามถ้อยคำข้างต้น
เขาครวญครางไม่ได้ศัพท์เมื่ออีกฝ่ายขยับเข้าหาถี่ๆราวกับล่วงรู้ว่าถ้าทำแบบนี้...ร่างบอบบางจะขาดใจตายอย่างไรอย่างนั้น
“พูดคำนั้นมาซะ...คำที่นายเคยบอกผม”
“อึก อ๊ะ...!”
พูดอะไร? ถ้าจะส่งแรงเข้าหาจนร่างไถลไม่หยุดเช่นนี้เขายังจะมีเวลาไปคิดเรื่องอื่นอีกหรือ
ไหนจะการกระแทกกระทั้นที่ตรงจุดเล่นเอาดิ้นพล่านไปหลายรอบแล้วอีก
และเหมือนอาคาชิจะเดาความคิดออก
อีกฝ่ายจึงเปลี่ยนเป็นขยับอย่างเนิบช้าแทน
คุโรโกะไม่ได้รับรู้เลยว่าตนเองเผลอทำสีหน้าลอยคว้างคล้ายถูกถีบลงหน้าผาชั่ววูบหนึ่ง
แม้แต่ริมฝีปากร้อนที่พรมจูบซับน้ำตาตรงข้างแก้มก็ไม่อาจบรรเทาได้
“ทำไม...” ไม่ขยับแรงขึ้นครับ!
ชะ ช่างน่าตายนัก เขากลายเป็นคนลามกแล้วหรือ
คุโรโกะเบือนหน้าแดงๆหลบหนีสายตาที่จ้องมองมา
เขากลัวเหลือเกินว่าคนด้านบนจะล่วงรู้ความคิดนี้
“พูดสิ...เท็ตสึยะ”
คล้ายโดนกลั่นแกล้งไม่มีผิด ยิ่งดวงเนตรสองสีที่เคยเย็นเฉียบทว่าบัดนี้ฉายแววเจ้าเล่ห์ด้วยแล้ว
เขายิ่งมั่นใจว่าตนโดนกลั่นแกล้งเป็นแน่แท้!
อาคาชิต้องการอะไร? พอลองนึกย้อนไปก่อนหน้านี้
เขาก็ปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่าบุรุษผมแดงต้องการได้ยินคำที่เขากล่าวกับร่างไร้วิญญาณเมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงที่แล้ว
“ผม...อึก ไม่พูดครับ” เรื่องอะไรจะเอ่ยถ้อยคำน่าอายนั่นกัน
ไม่มีวันเสียหรอก!
คราวนี้ร่างด้านบนหยุดขยับและผละริมฝีปากออกห่างในทันใด
อาคาชิจ้องมองมาด้วยแววตาราบเรียบดังเดิมหากแต่ริมฝีปากกลับกระตุกเป็นรอยยิ้มไม่น่าไว้วางใจอย่างยิ่ง
“แย่จังนะ แต่แช่ค้างไว้แบบนี้ ‘ทั้งวัน’ ก็คงดี...ว่าไหมเท็ตสึยะ”
คุโรโกะเม้มริมฝีปากไม่ตอบรับ
เขาหันหน้าหนีและทำท่าจะพลิกร่างและติดตรงขาถูกแทรกกลางด้วยร่างกำยำไว้
ไหนจะความเสียดเสียวที่แล่นริ้วไปทั่วสรรพางค์กายอีก
ไม่ขยับเท่ากับทรมาน...
และก็เป็นบุรุษผู้จืดจางที่ทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยออกมาเสียงแผ่วเบา
เขาไม่อยากให้ชายผู้นี้ได้ยินน้ำเสียงเจืออารมณ์ของตนเองนัก
“ผม...ให้อภัยอาคาชิคุงครับ” แต่จะเปลี่ยนคำพูดก็เพราะอีกฝ่ายชอบกลั่นแกล้งกันอยู่เรื่อยนี่แหละ!
“หืม? ผมจำได้ว่ามีอีกนะ”
ขนาดเป็นดวงวิญญาณในตอนนั้นยังได้ยินอีกหรือนี่...คุโรโกะนึกอยากกระโดดเอาหัวโหม่งธรณีนัก
“ผมจะไม่พูดอะไรทั้งนั้นครับ”
อย่าฝันว่าจะบีบคั้นเขาไปได้ตลอด
“จะไม่บอกผมจริงๆน่ะหรอ เท็ตสึยะ”
“อ๊ะ...อื้อ...!”
อยู่ๆอาคาชิก็เอื้อมมือมาเล่นกับส่วนกลางกายของคนใต้ร่าง
ร้ายกาจเกินไปแล้ว
นี่เรียกได้ว่าเอาสัมพันธ์ทางกายมาบีบคั้นให้เขาพูดชัดๆ!
“ดื้อด้านจังนะ...” ยิ่งกว่าผมก็อาคาชิคุงนั่นแหละครับ
“ฮึก! อ้ะ”
“แต่ผมน่ะดันตกม้าตายเพราะคนดื้อด้านเสียได้
ชาติก่อนไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยนอกจากชื่นชอบเพียงเล็กน้อยแท้ๆ ทว่าทำไมชาตินี้...”
“....!”
“ทั้งแววตาเย็นชา
ร่างกายที่จืดจางไหนจะอาการพยศเงียบอีก นายมีอะไรดีให้ผม ‘ตกหลุมรัก’ งั้นหรือ...เท็ตสึยะ”
บุรุษผมแดงกำลังเอ่ยถามเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉย
หากแต่ดวงเนตรสองสีกลับฉายประกายล้ำลึกอย่างที่ไม่เคยเป็น
“อาคาชิคุง...”
ห...ให้ตายสิ คุโรโกะไม่รู้จะทำหน้าแบบไหนดีแล้ว!
“ผมจะไม่ขอโทษในสิ่งที่เคยกระทำลงไป
แต่ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้เสียใจอีก” บุรุษผู้จืดจางเกือบซึ้งแล้วถ้าอีกฝ่ายไม่พูดประโยคถัดมา
“...แม้ว่าผมจะชอบมองตอนนายร้องไห้มากก็ตาม” ร...โรคจิตแล้วครับ!
“อือ อะ อ๊ะ!”
ฉับพลันนั้นร่างด้านบนก็ส่งแรงเข้าหาอย่างหนักหน่วงและไม่ทันให้ได้ตั้งตัว
อาคาชิพรมจูบไปทั่วทุกตารางนิ้วไม่ปานว่าผิวขาวผ่องเป็นของหวานน่าลิ้มรส
ทุกพื้นที่ในร่างกายไม่มีตรงไหนที่อีกฝ่ายไม่ได้สัมผัส
“น่ารังแกเกินไปแล้ว...เท็ตสึยะ”
หยุดทำให้เขาอับอายด้วยการเอ่ยอะไรแบบนี้เสียทีเถอะ
เพราะยิ่งอาคาชิเอ่ยออกมา เขาก็ยิ่งมีอารมณ์เพิ่มขึ้นในแบบที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
ไม่รู้ว่าทุกอย่างมันจบลงตอนไหน
รู้เพียงเขาเพลียเกินจะกล่าว!
กลับไปอ่านเนื้อหาต่อได้ที่นี่ค่ะ >>จิ้ม<<
อะเฮื่อออออออ~
ตอบลบยิ่งอ่านยืางอยากได้เล่ม
ท่านไรน์ได้โปรดเห็นใจข้าเถิดดดดดดดดด
กรี๊ดดดดดสสสสสสส ///////